ข. ปัญหาและอนาคตด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมของเกาหลีใต้
๑. ปัญหาและอนาคตด้านการเมืองของเกาหลีใต้
ปัญหาด้านการเมือง เป็นปัญหาที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยปักจุงฮีที่ใช้อำนาจเผด็จการผูกขาด ทำให้พรรคฝ่ายค้าน ประชาชนและนิสิตนักศึกษา ร่วมมือกันต่อต้านรัฐบาลอย่างแข็งขันตลอดมา จนถึงขั้นมีการใช้อาวุธตอบโต้การปราบปรามของรัฐบาลหลายครั้ง ขณะที่รัฐบาลใช้มาตรการทางการเมืองปราบปราม ในลักษณะที่เป็นการละเมิดต่อสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และถึงขั้นจำคุกทรมานนักโทษการเมืองจนเป็นเรื่องอื้อฉาวไปทั่วมีผลทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพที่มั่นคง ต้องเสริมสร้างอาวุธไว้คอยปกป้องคุ้มกันอยู่ตลอดเวลา และไม่สามารถจะคาดการณ์ได้ว่าประชาชนจะก่อการประท้วงขึ้นอีกเมื่อไร แม้ในสมัยชุนดูฮวานเองก็ตาม หลังจากสามารถปราบปรามประชาชน นิสิตนักศึกษา ที่เมืองกวางจูได้อย่างราบคาบแล้ว ปรากฏว่าเมื่อถึงวาระครบรอบ ๑ ปีของเหตุการณ์จลาจลได้มีการประท้วงอดอาหาร เพื่อให้รัฐบาลคลี่คลายกรณีทีเกิดขึ้นดังกล่าวให้กระจ่างแจ้งซึ่งรัฐบาลก็ต้องยอมผ่อนปรนที่จะปฏิบัติตามในที่สุด ปัญหาการต่อต้านรัฐบาลคงยากที่จะแก้ไขให้ยุติไปได้ ตราบเท่าที่ยังไม่มีการใช้หลักเกณฑ์ที่เคารพต่อสิทธิเสรีภาพ และสร้างสรรค์ความเสมอภาคเป็นธรรมในเกาหลีใต้อย่างแท้จริง
๒. ปัญหาและอนาคตด้านการต่างประเทศของเกาหลีใต้
ปัญหาที่สร้างความกังวลใจต่อรัฐบาลเกาหลีใต้ ตลอดทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมามากที่สุด คือ ปัญหาการป้องกันประเทศ เพราะเกรงว่าฝ่ายเกาหลีเหนือจะรุกรานเพื่อผนวกเกาหลีใต้ โดยเฉพาะนโยบายต่างประเทศสมัยประธานาธิบดีคาร์เตอร์ของสหรัฐอเมริกาที่ต้องการลดความผูกพันกับภูมิภาคเอเชีย ในที่สุดได้ตัดสินใจจะถอนกำลังภาคพื้นดินในเกาหลีใต้ประมาณ ๓๓,๐๐๐ คน ออกให้หมดภายใน ค.ศ. ๑๙๘๒ โดยจะยังคงหน่วยทหารด้านการช่างบางหน่วยเท่าที่จำเป็น รวมทั้งให้คงหน่วยสังเกตการณ์กองกำลังทางเรือและอากาศเท่าที่จำเป็นอยู่ต่อไป และสัญญาว่าสหรัฐอเมริกาจะให้อาวุธสมัยใหม่ทดแทนมีมูลค่ากว่า ๒,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ สำหรับเหตุการณ์ของรัฐบาลคาร์เตอร์ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นการกดดันแนวนโยบายของรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ปราบปรามประชาชนด้วย
อย่างไรก็ดี สหรัฐอเมริกาได้พยายามชักจูงให้ญี่ปุ่นซึ่งเคยมีอำนาจเหนือเกาหลีในอดีต เข้าร่วมมีบทบาททางการเมืองและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะที่สหรัฐอเมริกามีสัมพันธภาพทางการทูตขั้นปกติกับสาธารณรัฐประชาชนจีนเช่นเดียวกับญี่ปุ่น ยิ่งทำให้ความร่วมมือในลักษณะดังกล่าวเป็นปึกแผ่นกว้างขวางยิ่งขึ้น ดังเช่นการที่ได้มีประกาศในแถลงการณ์ร่วมระหว่างสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่นในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. ๑๙๗๐ ว่า ความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีและบริเวณเกาะไต้หวันเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นมีความห่วงใยมาก รวมทั้งการที่ญี่ปุ่นมีสัมพันธภาพทางการทูตและการค้ากับเกาหลีใต้อย่างแน่นแฟ้น นอกจากมีการติดต่อค้าขายกันอย่างกว้างขวางแล้วญี่ปุ่นยังมีส่วนช่วยเหลือทางเศรษฐกิจที่สำคัญๆ แก่เกาหลีใต้อีกด้วย เช่น การสร้างโรงงานถลุงเหล็กขนาดใหญ่ เป็นต้น เป้าหมายสำคัญก็เพื่อสกัดกั้นอิทธิพลของสหภาพโซเวียตในภูมิภาคนี้เป็นสำคัญ เป็นไปได้ว่าในอนาคตสาธารณรัฐประชาชนจึงซึ่งมีอิทธิพลต่อเกาหลีเหนือ อาจจะมีส่วนผลักดันร่วมกับสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นซึ่งมีอิทธิพลต่อเกาหลีใต้ ให้โน้มนำไปสู่การเจรจาตกลงปัญหาการรวมชาติเกาหลีในอนาคต แต่แนวโน้มดังกล่าวดูจะไม่แจ่มใสนักเมื่อนายโรแนล เรแกน ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี เนื่องจากมีนโยบายอนุรักษ์นิยมและต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างมาก อันจะเป็นผลให้สหรัฐอเมริกายังคงสนับสนุนการปกครองโดยรัฐบาลของเกาหลีใต้ต่อไป เพื่อป้องกันภัยจากเกาหลีเหนือ รวมทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหภาพโซเวียต
๓. ปัญหาและอนาคตด้านเศรษฐกิจและสังคมของเกาหลีใต้
๓.๑ ปัญหาและอนาคตด้านเศรษฐกิจของเกาหลีใต้
แม้เกาหลีใต้จะประสบความสำเร็จด้านความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลกก็ตาม กระนั้น ก็ยังคงประสบปัญหาเศรษฐกิจเช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกด้วย ที่สำคัญคือ การที่รัฐบาลเกาหลีใต้เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจด้านอุตสาหกรรมมากเป็นพิเศษ ทำให้เกิดผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกรในชนบท ที่มีช่องว่างทางรายได้ห่างไกลกันมาก เกิดปัญหาด้านการกระจายรายได้และความเป็นธรรมในสังคม แม้โดยส่วนรวมแล้วประชาชนเกาหลีใต้จะมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวเพิ่มสูงขึ้นมากก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ได้รับรายได้เฉลี่ยต่ำกว่านายทุนอุตสาหกรรมอย่างมากมาย แม้รัฐบาลจะมีนโยบายพัฒนาชนบทตามโครงการซามาเอิล อุนดอง ก็ยังไม่อาจแก้ปัญหานี้ให้หมดไปได้โดยเร็ว
อย่างไรก็ดี แม้กรรมกรผู้ใช้แรงงานในเมืองจะได้รับค่าจ้างแรงงานต่ำ ขณะที่ภาวะเงินเฟ้อขยายตัวมากขึ้น รัฐบาลก็กลับพยายามกดราคาค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเอาไว้เพื่อหวังเป็นเครื่องชักจูงชาวต่างชาติให้เข้าไปลงทุน หากกรรมกรเกิดการรวมตัวประท้วงขนานใหญ่เพราะทนต่อสภาวะเงินเฟ้อไม่ไหว อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ได้ นอกจากนั้น ผลของการที่สินค้าออกของเกาหลีใต้มีราคาถูก ทำให้ประเทศต่างๆ ทั้งสหรัฐอเมริกา ประเทศยุโรปตะวันตกได้ตั้งมาตรการเพื่อสกัดกั้นสินค้าของเกาหลีใต้ เกิดผลกระทบต่อการขยายการผลิต และการส่งออกของเกาหลีใต้มากทีเดียว
มีข้อสังเกตว่า สภาวะความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ ในความเป็นจริงเป็นผลมาจากการกู้เงินจากต่างชาติเพื่อเพิ่มขยายการลงทุนเป็นส่วนใหญ่ หนี้ต่างประเทศของเกาหลีใต้ในปัจจุบันจึงสูงถึงประมาณ ๑๐,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ เมื่อไม่สามารถเพิ่มขยายการส่งออกเพื่อแสวงหาเงินตราต่างประเทศมาชดใช้เงินกู้เพื่อผดุงฐานะทางเศรษฐกิจปัญหายุ่งยากต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน นอกจากการผลิตอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกกำลังถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ต้นทุนการผลิตด้านแรงงานและพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันก็มีมูลค่าสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ปรากฏว่าใน ค.ศ. ๑๙๗๙ เกาหลีใต้ขาดดุลถึง ๓,๐๐๐ ล้านดอลลาร์ และการที่เกาหลีใต้ต้องพึ่งพลังงานโดยสั่งน้ำมันเป็นสินค้าเข้าจากต่างประเทศถึงประมาณร้อยละ ๗๐ ของสินค้าเข้าทั้งหมด เนื่องจากเป็นประเทศอุตสาหกรรม ขณะที่ราคาน้ำมันสูงขึ้นมากเป็นผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงถึงร้อยละ ๓๐
สิ่งที่รัฐบาลชุนดูฮวานพยายามแก้ไข คือ ต้องพยายามหาทางขยายการลงทุนไปยังประเทศอื่นที่มีแรงงานราคาถูกและเป็นแหล่งวัตถุดิบและตลาดสินค้า ชุนดูฮวานได้เพ่งเล็งมาที่กลุ่มประเทศสมาคมอาเซียนบางประเทศ ที่มีความสามารถทางการผลิตอุตสาหกรรมต่ำกว่า จึงได้ตัดสินใจเดินทางมาเยือนกลุ่มประเทศอาเซียนเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. ๑๙๘๑ ชุนดูฮวานคงตระหนักดีถึงความสำคัญของอาณาบริเวณแถบนี้ เนื่องจากเกาหลีใต้มีการค้าด้วยประมาณร้อยละ ๖ ของการค้าต่างประเทศของตนทั้งหมด นอกจากนั้น ประเทศในกลุ่มอาเซียนยังเป็นทั้งตลาดและแหล่งวัตถุดิบทางอุตสาหกรรมที่สำคัญของเกาหลีใต้ ซึ่งต้องอาศัยดีบุก ยางพารา ไม้สักถึงร้อยละ ๘๐ และน้ำมันจากอินโดนีเซียถึง ๑๕,๐๐๐ บาเรลต่อวันอีกด้วย
ปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวอาจจะเป็นผลผลักดันให้รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องหันไปเร่งรัดพัฒนาการเกษตรในชนบทเพิ่มมากขึ้น เพื่อแก้ไขภาวการณ์ขาดแคลนอาหารบริโภคภายในประเทศ และเน้นการกระจายรายได้และความเป็นธรรมภายในประเทศให้ดีขึ้น ขณะที่จำเป็นต้องลดการขยายการเจริญเติบโตภาคอุตสาหกรรมลงควบคู่ไปกับการหาทางขยายตลาดสินค้าอุตสาหกรรมใหม่ๆ มากขึ้น
๓.๒ ปัญหาและอนาคตด้านสังคมของเกาหลีใต้
เนื่องจากเกาหลีใต้เน้นพัฒนาประเทศ ให้เป็นประเทศพัฒนาทางอุตสาหกรรมทำให้เกิดเขตอุตสาหกรรมบริเวณชานเมืองขึ้นอย่างมากมาย ทำให้ประสบปัญหาทางสังคมคล้ายกับปัญหาของนครหรือเมืองใหญ่ในประเทศอื่นๆ ทั่วไป คือ การที่คนชนบทอพยพละทิ้งอาชีพทางการเกษตรซึ่งประสบความล้มเหลวในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ เข้าสู่ตัวเมืองเพื่อประกอบอาชีพเป็นกรรมกร ปัญหาประชากรหนาแน่นในเมืองของเกาหลีใต้ดังกล่าวนับได้ว่าอยู่ในระดับรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ยังไม่มีการพัฒนาฟื้นฟูอาชีพการเกษตรในชนบทตามโครงการซามาเอิล อุนดอง เป็นผลให้เกิดปัญหาอื่นๆ ติดตามมาเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาคนว่างงาน ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาขาดแคลนสิ่งสาธารณูปโภคและสวัสดิการสังคมต่างๆ และปัญหาการจราจรติดขัด เป็นต้น มีผลกระทบต่อเสถียรภาพและความสงบของประชาชนอย่างมาก
อย่างไรก็ดี แม้ว่าต่อมารัฐบาลเกาหลีใต้จะได้เร่งรัดพัฒนาเพื่อฟื้นฟูเกษตรกรรมในชนบทแล้วก็ตาม ก็ยังไม่สามารถขจัดปัญหาความยากจนของบรรดาผู้ใช้แรงงานทั้งกรรมกรในเมืองและชาวนาชาวไร่ในชนบทให้หมดไปได้
ปัญหาการรวมเกาหลี
การแบ่งแยกชั่วคราวระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ณ เส้นขนานที่ ๓๘ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ค.ศ. ๑๙๕๓ เป็นต้นมาจนบัดนี้ ประมาณ ๓๐ ปีแล้ว ก็ยังไม่สามารถรวมเกาหลีให้กลับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้แม้ว่าทั้ง ๒ ฝ่ายจะมีความเห็นตรงกันว่าต้องรวมกันก็ตาม ด้วยต่างฝ่ายต่างก็ไม่ไว้วางใจกัน ฝ่ายเกาหลีใต้โจมตีว่าผู้นำเกาหลีเหนือยังไม่เลิกล้มแผนการที่จะยกทัพบุกเกาหลีใต้ และรวมประเทศด้วยกำลังให้เป็นคอมมิวนิสต์ ฝ่ายเกาหลีเหนือก็โจมตีว่าสหรัฐอเมริกาเป็นต้นเหตุสำคัญที่เข้าไปยึดครองเกาหลีใต้เพื่อหวังผลอิทธิพลเข้าครองเอเชีย ตลอดระยะเวลาเกือบ ๓๐ ปี ได้มีการเสนอเงื่อนไขการรวมประเทศกว่า ๑๐๐ ครั้ง แต่ก็ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน ข้อเสนอที่สำคัญเช่น ในวันที่ ๒๓ มิถุนายน ค.ศ. ๑๙๖๓ คิมอิลซุงแห่งเกาหลีเหนือได้เสนอหลักการในการรวมประเทศ โดยเสนอให้ตั้งสมาพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยโคเรียว (Republic of Koryo) เป็นตัวแทนของเกาหลีทั้งสอง ให้มีผู้แทนจากทั้ง ๒ ฝ่ายจำนวนเท่ากันเป็นผู้บริหารสมาพันธ์เพื่อร่วมมือกันทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจในการรวมประเทศ รวมทั้งสมัครเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติในนามสมาพันธ์ ทั้งนี้โดยไม่ให้ต่างชาติเข้าเกี่ยวข้อง แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ ข้อเสนอฝ่ายเกาหลีเหนือมีเงื่อนไขสำคัญ ๓ ขั้นตอน คือ ขั้นแรกให้ถอนทหารอเมริกันออกไปจากเกาหลีใต้ ต่อมาให้ตกลงทำสนธิสัญญาสันติภาพ และขั้นสุดท้ายให้ลดกำลังรบระหว่างประเทศทั้งสองให้กำลังต่ำกว่า ๑๐๐,๐๐๐ คน แต่ประธานาธิบดีปักจุงฮีปฏิเสธ และโจมตีว่าเกาหลีเหนือประสงค์ที่จะรวมชาติโดยใช้กำลังและไม่มีความจริงใจ
อย่างไรก็ดี ต่อมารัฐบาลเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้ตกลงเปิดให้มีการเจรจากันเพื่อลดความตึงเครียดที่เมืองปันมุนจอม ระหว่างวันที่ ๑๗ กันยายน - ๗ มิถุนายน ค.ศ. ๑๙๗๙ ในรูปคณะกรรมการเหนือ - ใต้ (South - North Coordinating Committee) ซึ่งได้จัดตั้งขึ้นระหว่างการเจรจากับเกาหลีใต้ใน ค.ศ. ๑๙๗๒ - ๑๙๗๓ แต่ฝ่ายเกาหลีเหนืออ้างว่าคณะกรรมการชุดดังกล่าวหมดสภาพไปตั้งแต่ ๕ ปีก่อนแล้ว แต่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมในฐานะผู้แทนแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อการรวมปิตุภูมิ (Democratic Front For the Unifications of the Father Land) ผู้แทนเกาหลีเหนือเรียกร้องให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเตรียมการรวมเกาหลีเพื่อดำเนินการสำหรับจัดตั้งสมัชชาแห่งชาติ และเสนอให้คณะเจ้าหน้าที่ติดต่อของทั้ง ๒ ฝ่ายพบกันทุกสัปดาห์เพื่อหารือกัน ฝ่ายเกาหลีใต้โจมตีฝ่ายเกาหลีเหนือว่าไม่จริงใจต่อการเจรจา โดยส่งผู้แทนแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อการรวมปิตุภูมิเข้าร่วมเจรจา มิใช่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบโดยตรง จึงยุติการเจรจา แต่ได้ตกลงกันในหลักการ ให้รื้อฟื้นการติดต่อทางโทรศัพท์สายด่วนระหว่างกรุงโซลและกรุงเปียงยางขึ้นใหม่
ในการเจรจาระหว่างวันที่ ๗ - ๑๔ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๗๙ เกาหลีใต้ได้เสนอให้เปิดเจรจาระดับคณะทำงานขึ้นในวันที่ ๒๘ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๗๙ เพื่อพิจารณาถึงสถานะของคณะกรรมการประสานงานเหนือ - ใต้ แต่ผู้แทนเกาหลีเหนือได้ยื่นข้อเสนอว่าหากเกาหลีใต้ยินยอมยกเลิกปัญหาเรื่องคณะกรรมการดังกล่าว ฝ่ายเกาหลีเหนือยินดีจะให้คณะผู้แทนของตนเปลี่ยนสภาพเป็นตัวแทนของรัฐบาล และพรรคกรรกรเกาหลีเหนือ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อเรียกร้องในตอนแรกของเกาหลีใต้ พร้อมกับเสนอให้เปิดการเจรจาดังกล่าวขึ้นในวันที่ ๕ เมษายน ค.ศ. ๑๙๗๙ แต่ฝ่ายเกาหลีใต้ปฏิเสธ อย่างไรก็ดี ต่อมาในเดือนมิถุนายน ค.ศ. ๑๙๘๑ ชุนดูฮวานได้เสนอให้เปิดประชุมสุดยอดกับคิมอิลซุงแห่งเกาหลีเหนือโดยตรงขึ้นเพื่อหาทางร่วมกันโดยสันติวิธี โดยยอมให้ฝ่ายเกาหลีเหนือเป็นผู้กำหนดเวลาและสถานที่ หลังจากที่คิมอิลซุงปฏิเสธคำเชิญของซุนดูฮวานให้ไปเยือนกรุงโซล แต่ก็ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน ปัญหาการรวมเกาหลีจึงยังคงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยระยะเวลาในการหาทางเจรจาปรองดองกันด้วยความจริงใจอีกมาก จึงจะบรรลุถึงความเป็นเอกภาพของประเทศชาติและประชาชนเกาหลีอย่างแท้จริง
ต่อจากฉบับที่แล้วค่ะ
ตอบลบอย่ากรู้ปัญหาของเอเชียตะวันออก
ตอบลบjoya shoes 909z5lsmtz112 joya sko,joya sko,joya skor,Cipő joya,zapatos joya,joya schoenen verkooppunten,Scarpe joya,chaussures joya,joya schuhe wien,joya schuhe joya shoes 751a2ocdkn364
ตอบลบ